การปกป้องความจริงเกี่ยวกับคริสต์มาส (Defending the Truth of Christmas)

Written by Karl Dahlfred on .

เทศกาลคริสต์มาสเป็นที่ชื่นชอบของคริสตชนทั่วไป และในเดือนธันวาคมของทุกปี คนที่รักพระเจ้าทั่วโลกเฉลิมฉลองการเสด็จมาและบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซู ผู้เป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า และเป็นพระเจ้าแท้ที่เท่าเทียมกับพระบิดาเจ้า

อาเรียสสอนผิดเรื่องพระเยซู

อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 318 มีผู้นำคริสตจักรคนหนึ่งที่ท้าทายความจริงเกี่ยวกับคริสต์มาส นั่นคือ อาเรียส (Arius) ผู้อาวุโสแห่งเมืองอเล็กซานเดรีย (Alexandria) อาเรียสสอนว่า แม้พระเยซูคริสต์จะทรงเป็นอยู่ก่อนทุกสิ่งและทรงมีส่วนในการเนรมิตสร้างทุกสิ่ง แต่พระองค์ก็ยังเป็นผู้ที่ถูกสร้างขึ้น จึงมิได้ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์แต่มีจุดเริ่มต้น  ดังนั้น เขาอ้างว่าพระคริสต์ผู้เป็นพระบุตรมีสถานะด้อยกว่าพระบิดาเจ้า โดยยอมรับว่าพระเยซูเป็นมนุษย์ แต่ปฏิเสธว่าพระบิดาและพระบุตรมีสถานะเท่าเทียมกันและเป็นสาระเดียวกัน  คำสอนเทียมเท็จนี้แพร่ไปทั่วจักรวรรดิโรมัน และมีหลายคนเชื่อตามคำสอนผิดของอาเรียส รวมทั้งโอรสและทายาทของคอนสแตนตินผู้เป็นจักรพรรดิของจักรวรรดิโรมัน

Late medieval Greek Orthodox icon showing Saint Nicholas of Myra slapping Arius at the First Council of Nicaea.ภาพวาดยุกกลาง นักบุญนิโคลัสตีหน้าอาเรียส ณ ประชุมสภาเมืองไนเซีย

จักรพรรดิคอนสแตนตินเรียกประชุมสภาเพื่อแก้ปัญหา

จักรพรรดิคอนสแตนตินเป็นห่วงว่า คำสอนของอาเรียสได้ทำให้เกิดการโต้เถียงในคริสตจักรหลายแห่งทั่วทั้งจักรวรรดิ ท่านจักรพรรดิจึงเรียกประชุมสภาคริสตจักรครั้งใหญ่ให้พวกบิชอป (ผู้นำคริสตจักรชั้นสูง) อภิปรายและแก้ปัญหาที่เกิดจากคำสอนของอาเรียส  หากทางสภาไนเซียอยากแก้ปัญหาการโต้เถียงอย่างง่ายๆ พวกเขาอาจออกคำแถลงการณ์ที่ใช้ภาษาที่กว้างพอที่คนทุกฝ่ายจะยอมรับได้ เพื่อทุกคนจะสามารถรักษาหน้าของตนเอง และความแตกต่างระหว่างคำสอนของอาเรียสและคนอื่นๆ จะถูกปกปิดไว้

แต่สภาบิชอปที่พบปะกัน ณ เมืองไนเซีย (Nicea) เมื่อปี ค.ศ. 325 ไม่ได้หลีกเลี่ยงปัญหาโดยทำแบบนั้น  เป้าหมายของที่ประชุมไม่ไช่การรักษาหน้าของผู้นำเพื่อให้ผู้นำทุกฝ่ายสามารถยิ้มให้กันและกอดกันได้ เป้าหมายของทางสภาก็คือ การพิจารณาคำสอนของอาเรียสและประกาศอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความจริงเรื่องพระเยซูคริสต์ พวกเขาปรารถนาที่จะอารักขาข่าวประเสริฐและให้เกียรติพระเจ้ามากกว่ารักษาหน้าของมนุษย์ การยืนยันว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าแท้ที่เท่าเทียมกับพระบิดาและเป็นสาระเดียวกันกับพระองค์นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากทีเดียว คริสตชนประนีประนอมในความจริงเกี่ยวกับการเป็นมนุษย์และการเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ไม่ได้เลย ถ้าหากพวกผู้นำที่สภาสังคายนาไนเซียยอมรับในครั้งนั้นว่าพระเยซูมีจุดเริ่มต้นและเป็นพระที่ด้อยกว่าพระบิดา  ความเชื่อของเราจะถูกพังทลาย หากพระเยซูมีสถานะด้อยกว่าพระบิดา พระองค์ก็จะไม่สามารถช่วยเราให้รอดพ้นจากความบาปและความตายได้เลย  ถ้าหากพระบิดาและพระบุตรเป็นพระสององค์  ความเชื่อคริสเตียนจะไม่แตกต่างจากความเชื่อของพวกโรมันและคนนับถือผีทั่วไป

ดังนั้น ทางสภาสังคายนาไนเซียจึงเขียนหลักข้อเชื่อสั้นๆ และกระชับเพื่อยื่นยันความจริงที่เราเชื่อเกี่ยวพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์  เพื่อคริสตจักรทั่วไปจะมีความมั่นคงและความแน่นอนในพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา  ทางสภาสังคายนาไนเซียจึงได้เขียนไว้ ดังนี้

หลักข้อเชื่อไนซีน (Nicene Creed)

ข้าพเจ้าเชื่อวางใจในพระเจ้าองค์เดียว  พระบิดาผู้ทรงฤทธิ์สูงสุด ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และโลก และทุกสิ่งที่ประจักษ์และไม่ประจักษ์แก่ตา

ข้าพเจ้าเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียว ผู้ทรงเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า  ทรงกำเนิดจากพระบิดาก่อนทรงสร้างกัลปจักรวาลทั้งมวล  ทรงเป็นพระเจ้ากำเนิดมาจากพระเจ้า  แสงสว่างจากแสงสว่าง  พระเจ้าแท้จากพระเจ้าแท้  ทรงกำเนิดไม่ใช่ถูกสร้างขึ้น ทรงเป็นสาระเดียวกันกับพระบิดา  พระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่ง พระองค์ทรงเสด็จลงมาแต่สวรรค์ เพื่อมนุษย์และเพื่อช่วยเราให้รอดพ้น ทรงกำเนิดเป็นมนุษย์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ทางมารีย์สาวพรหมจารี ทรงสภาพมนุษย์  แล้วในสมัยปอนทีอัสปีลาตปกครองนั้นเอง พระองค์ถูกตรึงที่ไม้กางเขนเพื่อเราทั้งหลาย พระองค์ทรงทุกข์ทรมานจนสิ้นพระชนม์ ทรงถูกบรรจุไว้ในอุโมงค์  และในวันที่สามทรงคืนพระชนม์ ตามที่พระคัมภีร์ทำนายไว้  พระองค์เสด็จขึ้นสวรรค์ประทับ ณ เบื้องขวาของพระบิดา  พระองค์จะเสด็จมาอีกด้วยพระสิริ เพื่อพิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย พระราชอาณาจักรของพระองค์ ไม่รู้สิ้นสุด

ข้าพเจ้าเชื่อวางใจในพระวิญญาณบริสุทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ประทานชีวิต  ผู้ทรงเป็นมาจากพระบิดาและพระบุตร  ผู้ทรงรับนมัสการ และการสรรเสริญพร้อมพระบิดา และพระบุตร  พระองค์ได้ตรัสทางพวกผู้เผย
พระวจนะ

ข้าพเจ้าเชื่อมั่นในสากลคริสตจักรที่สืบจากอัครธรรมทูตคริสตจักรเดียว

ข้าพเจ้ารับว่ามีพิธีบัพติศมาเพื่อการยกบาปแต่พิธีเดียว

ข้าพเจ้าเชื่อมั่นในการคืนชีพของผู้ที่ตายแล้ว  และในชีวิตโลกหน้า 

อาเมน

 


จักรพรรดิคอนสแตนตินและเหล่าผู้นำคริสตจักร
สภาเมืองไนเซียถือคำประกาศหลักข้อเชื่อไนซีน

ด้วยการเขียนและเผยแพร่หลักข้อเชื่อนี้ให้คริสตจักรทั่วไป ทางสภาฯ สมัยนั้นปัดทิ้งคำสอนผิดเพี้ยนของอาเรียสและอารักขาความจริงเรื่องพระเยซูคริสต์ ทุกยุคทุกสมัยหมู่คริสตชนต้องตั้งใจปกป้องพระกิตติคุณและประกาศความจริงด้วยภาษาที่ชัดเจน เพื่อมิให้คำสอนเทียมเท็จแพร่เข้ามาในคริสตจักรของเราได้

ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและตลอดปี พวกเราในฐานะคริสเตียนสามารถยืนยัน อนุรักษ์ และอารักขาข่าวประเสริฐด้วยการอ่าน ประกาศ อธิษฐาน และร้องเพลงนมัสการ อันที่จริงแล้ว วิธีหนึ่งในการประกาศและยืนยันความจริงแห่งพระเยซูคริสต์ก็คือ การอ่านหลักข้อเชื่อไนซีนด้วยการออกเสียงในที่ประชุมนมัสการของโบสถ์เรา  การอ่านด้วยกันเช่นนี้จะเป็นวิธีหนึ่งในการนำพี่น้องในคริสตจักรให้รู้ถึงแก่นแท้ของข่าวประเสริฐ ด้วยว่าคนที่ยังไม่เป็นคริสเตียนที่อยู่ด้วยในที่ประชุมนั้นจะรับรู้ได้อย่างกระชับตรงประเด็นว่าคริสเตียนเชื่ออะไรบ้าง

ขอบคุณพระเจ้าที่ทางสภาสังคายนาไนเซียได้ปกป้องและรักษาไว้ซึ่งแก่นแท้ของความจริงเกี่ยวกับคริสต์มาส นั่นคือ พระเยซูคริสต์เป็นทั้งมนุษย์แท้ที่สามารถเป็นผู้แทนของเราต่อหน้าพระบิดา และเป็นพระเจ้าแท้ที่ช่วยเราให้รอดและนำเราคืนดีกับพระบิดาเจ้าได้  เราสามารถมีความหวังและความชื่นชมยินดีในพระเยซูได้เพราะพระองค์ผู้ถ่อมใจ ยอมเกิดมาเป็นเด็กน้อยผู้นั้น ทรงเป็นทั้งมนุษย์แท้และพระเจ้าแท้  ให้เราทุกคนมีส่วนในการรักษาข่าวดีเรื่องนี้ไว้ด้วยการร้องเพลงนมัสการ อธิษฐาน และประกาศเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ ในช่วงคริสต์มาสและตลอดปีนับจากนี้

หนังสืออ้างอิง

Justin S. Holcomb, Know the Creeds and Councils (KNOW Series Book 1), Zondervan, หน้า 33-39.

พระคริสตธรรมกรุงเทพ, คู่มือสำรวจประวัติศาสตร์คริสตจักร (CH773/CH350 Church History Survey), 2016, หน้า 56-57.

Submit to FacebookSubmit to TwitterSubmit to LinkedIn

Donation Address

OMF International
10 W. Dry Creek Circle
Littleton, CO 80120

With your check, please include a note indicating support for "Karl & Sun Dahlfred"
You may also give online.